วิธีเลือกสถานบริการเสริมจมูกควรเลือกอย่างไรถึงจะปลอดภัย

การเสริมจมูกคือการตกแต่งเพื่อปรับเปลี่ยนรูปทรงหรือขนาดของจมูก ซึ่งจะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสริม การตัดปีก การตกแต่งฐานกระดูกของจมูก การศัลยกรรมจมูกนั้นสามารถทำเพียงวิธีเดียวหรือหลายวิธีพร้อมกันได้ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์และความต้องการของผู้เข้ารับการศัลยกรรม และก่อนที่ผู้เข้าใช้บริการปรับเปลี่ยนรูปทรงของจมูกนั้นผู้เข้ารับการรักษาควรที่จะศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเสริม แพทย์ที่จะทำ สถานที่ที่เข้ารับบริการ หรือการเตรียมตัวก่อน-หลังการผ่าตัด เพื่อความปลอดภัยในการทำศัลยกรรม ซึ่งปัจจุบันนี้มีคลินิกเสริมความงามเกิดขึ้นมากมายดังนั้นผู้เข้ารับบริการจะต้องเลือกให้ดีหากเลือกไม่ดีทำออกมาไม่สวยผู้เข้ารับบริการก็อาจจะไม่ได้ทำเพียงครั้งเดียวอาจจะต้องกลับมาแก้ไขใหม่อีก และวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีเลือกสถานบริการว่าควรเลือกอย่างไรถึงจะปลอดภัย ดังนี้

เลือกสถานบริการที่จะทำการศัลยกรรมจมูกต้องเลือกอย่างไร

ก่อนที่ท่านจะเข้ารับบริการท่านจะต้องเลือกสถานบริการที่ได้มาตรฐานและมีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องและจะต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เนื่องจากว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะรู้ตำแหน่งที่สำคัญในการเสริมจมูก โดยผู้เข้ารับบริการอาจจะดูจากรีวิวหรือจำนวนคนที่เข้าใช้บริการ และยังสามารถดูได้จากภาพก่อนรักษา หลังรักษา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหากเป็นคลินิกที่มีชื่อเสียงก็จะถูกพูดถึงหรือมีการรีวิวบนเว็บไซต์บ่อยจากผู้ใช้บริการโดยผู้ที่คิดจะใช้บริการสามารถหาดูได้จากหน้า google นั่นเอง

ทำไมต้องทำศัลยกรรมจมูก

สำหรับการศัลยกรรมจมูกนั้นก็เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง และยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ซึ่งงานบางประเภทต้องอาศัยบุคลิกลักษณะภายนอก การเสริมจมูกจะช่วยเพิ่มทางเลือกในหน้าที่การงาน หรือแม้แต่เรื่องความรักก็ตาม เรียกได้ว่าบุคลิกดีมีชัยไปกว่าครึ่งนะ

ก่อนเสริมจมูกต้องผู้เข้ารับบริการควรต้องรู้อะไรบ้าง

สำรวจตัวเอง

ก่อนที่จะเข้ารับบริการเสริมจมูกนั้นผู้เข้ารับบริการจะต้องรู้ก่อนว่าต้องมีแผลและเลือดออก จึงต้องระมัดระวังในผู้เข้ารับบริการบางรายซึ่งอาจเลือดหยุดไหลช้า หรือมีการติดเชื้อง่าย ก่อนเข้ารับบริการจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวของผู้เข้ารับบริการด้วย

วิธีเสริมจมูกทั่วไป

การเสริมจมูกโดยทั่ว ๆ ไปจะใช้แท่งซิลิโคนเหลาแล้วใส่เข้าไปในรอยผ่าบริเวณช่องจมูกผู้เข้ารับบริการไม่ต้องพักฟื้นเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็ว วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะกับจมูกบางประเภท ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาซิลิโคนทะลุได้

วิธีเสริมจมูกแบบเปิด

การเสริมจมูกแบบเปิด วิธีนี้จะใช้การผ่าตัดเปิดจมูกเพื่อปรับโครงสร้างจมูก และอาจจะใช้ซิลิโคนร่วมกับเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนหลังหูบวกกับการยืดกล้ามเนื้อปลายจมูก หรือบางคนอาจไม่ต้องใช้ซิลิโคนเลยก็ได้วิธีนี้จะมีราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ผู้เข้ารับบริการจะได้รับยาสลบและต้องพักฟื้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้จมูกของผู้เข้ารับบริการจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่าแบบแรก

วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกมีแบบใดบ้าง

  • เสริมด้วยสารเติมเต็มหรือที่เรียกกันว่า Filler เป็นการฉีดไขมันตนเอง
  • เสริมด้วยวัสดุที่ได้จากร่างกายของผู้เข้ารับบริการ เช่นกระดูกอ่อนหลังหูหรือกระดูกจากส่วนต่าง ๆ ในร่างกายวิธีนี้มักจะใช้เสริมกับคนที่มีจมูกผิดรูป เนื่องจากอุบัติเหตุหรือแก้ไขความพิการจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น เนื้องอก ความพิการแต่กำเนิด เป็นต้น
  • เสริมด้วยวัสดุสังเคราะห์ เช่น Gore-Tex ซิลิโคนแท่ง ชนิดที่ใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งจะมีปฏิกิริยาต่อร่างกายมนุษย์น้อยมาก ทำให้ร่างกายสามารถรับและห่อหุ้มแท่งซิลิโคนให้ยึดอยู่กับเนื้อเยื่อได้ดี

ก่อนเสริมจมูกผู้เข้ารับบริการต้องเตรียมตัวอย่างไร

ก่อนที่จะเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการไม่ควรที่จะมีสิวบริเวณจมูกเนื่องจากจะทำให้ติดเชื้อได้ และไม่ควรที่จะเป็นหวัดก่อนที่จะทำ ซึ่งต้องดูแลรักษาตัวเองให้ดี และหากรับประทานยาตัวไหนอยู่ควรนำมาให้แพทย์พิจารณาก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งก่อนเข้ารับบริการทางสถานบริการจะทำความสะอาดจมูกให้ซึ่งจะรวมไปถึงการตัดขนจมูก ทายาฆ่าเชื้อเพื่อให้จมูกสะอาดมากที่สุด

หลังการผ่าตัดเสริมจมูกต้องดูแลตัวเองอย่างไร

เมื่อได้ทำการผ่าตัดไปแล้วผู้เข้ารับบริการอาจจะหายใจด้วยจมูกไม่ได้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เนื่องจากจะมีอาการบวม ปวดแผลที่ได้รับการผ่าตัด แพทย์จะให้ยาระงับอาการปวดมารับประทาน และอาจต้องใช้วิธีการประคบเย็นบริเวณหน้าผากเพื่อช่วยลดอาการบวมและเลือดออกจากจมูกหลังการผ่าตัด นอกเหนือจากนี้ยังต้องห้ามสั่งน้ำมูกเป็นอันขาด

  • หลังทำการผ่าตัดช่วง 1 – 2 วัน ผู้เข้ารับบริการควรพักผ่อนมาก ๆ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและระวังการกระทบกระเทือน
  • ผู้เข้ารับบริการควรนอนหนุนศีรษะให้สูงกว่าปกติ
  • ในช่วง 1 – 2 วันแรกควรประคบด้วยน้ำแข็ง โดยประคบครั้งละ 15 นาที และเว้นระยะห่าง 15 นาทีและหลังจาก 2 วันไปแล้วให้ประคบด้วยน้ำอุ่น
  • ควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ ควรงดอาหารที่ต้องใช้แรงบดเคี้ยว
  • แผลที่ได้รับการผ่าตัดไม่ควรโดนน้ำอย่างน้อย 5 วัน
  • หากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์
  • หลังจากที่ทำการผ่าตัดไป 5 – 7 วัน แพทย์จะนัดให้มาดูแผล ซึ่งอาจจะมีอาการบวมอยู่บ้างแต่ก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นราว 85% ภายใน 1 เดือน และจะเข้าที่เป็นปกติในเดือนถัด ๆ มา บางกรณีนั้นต้องรอถึงราว 1 ปี ถึงจะเห็นผลการศัลยกรรมที่ชัดเจน