การเสริมคาง ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน เป็นการศัลยกรรมใบหน้าได้ตรงตามความต้องการได้เป็นอย่างมาก ช่วยแก้ไขปัญหาใบหน้าที่ไม่ได้สัดส่วนได้เป็นอย่างดี สามารถตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็สามารถเสริมคางได้ตามต้องการ สามารถให้ผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมคาง ก่อนตัดสินใจเสริมคางนั้น ควรศึกษาหาข้อมูลเพื่อเป็นรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งอาจดูจากประสบการณ์เสริมคาง ของผู้ที่นำมาแชร์ประสบการณ์ว่าเป็นอย่างไร เห็นความงามแตกต่างก่อนหรือหลังเสริมคางไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ รวมไปถึงการเลือกคลินิกศัลยกรรม เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายเกิดขึ้นได้ ถือว่าสามารถนำข้อมูลเหล่านั้น เป็นตัวช่วยให้คุณได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ข้อควรรู้ก่อนคิดเสริมคาง
- อายุ อายุถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะช่วงอายุที่เหมาะสมในการเสริมคางนั้น มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงวัยที่มีการเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว
- วัสดุที่ใช้เสริมคาง วัสดุที่ใช้เสริมคางที่ได้รับความนิยมนั้นจะมีด้วยกันทั้งแบบซิลิโคนแท่งและแบบฉีดไขมัน หรือสารเสริมคาง เป็นซิลิโคนที่ใช้แบบเดียวกันกับการเสริมจมูก ซึ่งการเสริมด้วยซิลิโคนนั้นสามารถแบ่งออกได้ 2 แบบ คือการศัลยกรรมจากด้านในช่องปากและ การศัลยกรรมจากด้านนอกช่องปาก วิธีฉีดนั้นเป็นการนำสารที่เป็นของเหลวมาฉีดเสริมเข้าที่คาง แต่การเสริมคางด้วยซิลิโคนในปัจจุบันได้รับความนิยมมากกว่า ซึ่งได้รับการนิยมจากวงการแพทย์
- เลือกเสริมคางให้พอดีกับใบหน้า หากต้องการเสริมคางให้ดูสวยเป็นธรรมชาติ เหมาะสมกับขนาดใบหน้าของแต่ละบุคคล การเสริมคางที่ใหญ่หรือมีขนาดที่ไม่เหมาะสมกับใบหน้าของเรา จะส่งผลให้มีกระทบต่อผิวหนังและกระดูกคางได้ในอนาคต
- การเตรียมความพร้อมก่อนเสริมคาง ให้งดการทานยาประเภทสเตียรอยด์ ทานอาหารเสริมตัวไหนอยู่ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการผ่าตัดเสริมคาง
- การทำความสะอาดช่องปาก รวมไปถึงการแปรงฟันให้เรียบร้อยก่อนการผ่าตัด
- การดูแลตนเองหลังการเสริมคาง หลังจากเข้ารับการผ่าตัดเสริมคาง แผลจากการผ่าตัดจะเกิดอาการบวมได้ สามารถใช้การประคบเย็น เพื่อลดอาการบวม ไม่ควรให้คางได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เวลานอนให้นอนหงาย ไม่ควรนอนตะแคง และหนุนหมอนให้สูง รวมถึงงดรับประทานอาหารที่มีรสจัด อาหารแสลง หลังจากรับประทานอาหารก็ให้บ้วนปากทุกครั้ง เพื่อป้องกันแผลติดเชื้อ และทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการให้แผลหายได้เร็วขึ้น
- หลังจากการผ่าตัดเสริมคางต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ หลังจากการผ่าตัด แผลจึงจะหายบวม และต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนจึงจะเริ่มเข้าที่และหายเป็นปกติ
เมื่อเสริมคางแล้วไม่สวยเกิดจากอะไร
การเสริมคางด้วยซิลิโคน มีปัญหาการยื่นหรือคางเบี้ยวผิดรูป เกิดจากได้หลายสาเหตุดังนี้
- แพทย์ทำการผ่าตัดช่องว่างเหมือนกระดูกคางไม่เท่ากัน หรือไม่พอดี อาจทำให้การจัดวางซิลิโคนได้ไม่ตรงตำแหน่งจนทำให้คางดูยื่นหรือเบี้ยวผิดรูปได้
- แพทย์เหลาซิลิโคนที่ใช้เสริมคางไม่เท่ากัน จึงทำให้เมื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปแล้ว คางอาจดูเบี้ยวเอียงได้
- ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง หรือสำหรับคนไข้ที่ชอบนั่งเท้าคาง ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่จากตำแหน่ง เดิมได้
- คนไข้เคยฉีดคางด้วยฟิลเลอร์คุณภาพต่ำ จึงทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวไม่หมด อาจทำให้คางเบี้ยวผิดรูปได้
จะแก้ไขอย่างไรเมื่อทำคางแล้วเกิดยื่นหรือเบี้ยว
หลังจากทำการผ่าตัดเสริมคางมาแล้วประมาณ 1 ถึง 3 เดือน แผลจากการผ่าตัดจะเริ่มยุบและหายดี ทำให้เห็นชัดเจนว่าเกิดปัญหาคางยื่น เบี้ยวหรือไม่ หากรูปทรงที่ได้ไม่ตรงตามความต้องการ จนทำให้ขาดความมั่นใจ สามารถกลับไปหาแพทย์ที่ทำการผ่าตัด เพื่อให้เพื่อได้รับการแก้ไขได้ ซึ่งหมอจะทำการผ่าตัด เพื่อเลื่อนตำแหน่งซิลิโคนที่เบี้ยวเอียงให้เข้าที่หรือเอาซิลิโคนเดิมออกมา แล้วนำซิลิโคนอันใหม่ที่พอดีกว่าทดแทน โดยขั้นตอนในการผ่าตัดแก้คาง ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดหรือหลัง การผ่าตัด ก็เหมือนกับการเสริมคางครั้งแรกทุกอย่าง โดยจะใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง และนัดตัดไหมในอีก 5 ถึง 7 วัน หลังจากการผ่าตัด โดยการพักฟื้นคนไข้ต้องดูแลตัวเอง ตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังจากการผ่าตัด ระมัดระวังไม่ให้ใบหน้าได้รับกระทบกระเทือน จนทำให้คางเบี้ยวได้อีก เพื่อป้องกันการผ่าตัดซ้ำหลายรอบ
การเสริมคางแล้ว เกิดปัญหาคางยื่นเบี้ยวหรือเอียง หลังการผ่าตัดนั้น เป็นปัญหาที่เราต้องให้ความสำคัญ ในการป้องกันและแก้ไขได้ ซึ่งสาว ๆควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการตัดสินใจเสริมคาง เสริมคางออกมาแล้วไม่สวยได้ตามต้องการสามารถกลับไปหาคุณหมอเพื่อหาทางแก้ไข จะได้มีคางที่สวยงามและได้ถูกใจมากที่สุด ทำให้ได้รับทั้งความปลอดภัยและตรงตามความต้องการ
