สาว ๆ หลายคนต่างก็อยากที่จะมีผิวที่ดูเรียบเนียนหากมีเส้นขนตามร่างกายก็จะมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยากไม่สวย จึงพยายามที่จะหาวิธีกำจัดขนออกไป ไม่ว่าจะเป็นการแว็กซ์ การโกน วิธีเหล่านี้พอผ่านไปได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ขนก็จะกลับมาใหม่ แถมขนที่ขึ้นมาใหม่นั้นก็จะแข็งเป็นตอและมีสีเข้มอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อใช้วิธีการถอนก็จะทำให้เกิดปัญหาผิวเป็นตุ่มเหมือนหนังไก่และใช้เวลานานกว่าจะถอนหมดจึงต้องวิธีการกำจัดขนถาวรเพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะไม่ต้องมานั่งกังวลและคอยกำจัดขนบ่อย ๆ และด้วยความที่คลินิกเสริมความงามในยุคนี้เกิดขึ้นมากมาย ก่อนที่จะตัดสินใจเข้ารับบริการกำจัดขนแบบถาวรนั้นจะต้องเลือกอย่างไรวันนี้เราจะพาท่านไปดูดังนี้
เลือกสถานบริการกำจัดขนถาวรอย่างไรให้ปลอดภัย
เลือกตามประเภทการกำจัดขนถาวร
การกำจัดขนนั้นจะมีหลัก ๆ ด้วยกัน 3 ประเภท คือการทำ IPL, การเลเซอร์ YAG และการกำจัดขนด้วยคลื่นวิทยุ ก่อนอื่นเราจึงต้องทำความเข้าใจว่าการกำจัดขนทั้ง 3 แบบนั้นแตกต่างกันอย่างไร
- กำจัดขนถาวรด้วย IPL เป็นการกำจัดขนด้วยคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 515 -1200 นาโนเมตร สามารถปรับความยาวคลื่นได้ตามความเหมาะสม ทำงานโดยการให้คลื่นแสงไปจับกับเม็ดสีบริเวณรากขน และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเพื่อทำลายรากขน และยังสามารถปรับสีผิวให้สว่างขึ้น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวชั้นบน หลาย ๆ คนจึงนิยมกำจัดขนด้วยวิธีนี้ แต่ก็จะไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่สะดวกต่อการเดินทางเนื่องจากจะต้องไปทำอย่างต่อเนื่องถึงจะเห็นผลชัดเจน
- กำจัดขนถาวรด้วยเลเซอร์ YAG วิธีนี้จะเป็นการใช้เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นแสงอยู่ที่ 532 นาโนเมตรที่ใช้กับผิวหนังชั้นตื้น และ 1,064 นาโนเมตร ซึ่งใช้กับเม็ดสีในชั้นหนังแท้ที่เหมาะสำหรับลบรอยฝังลึกอย่างรอยสัก กำจัดขนได้ โดยการยิงเลเซอร์ในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งลำแสงจะเข้าไปถึงรากขนและเม็ดสีที่อยู่ในเส้นขน จากนั้นรากขนจะดูดซับพลังงานความร้อน ทำให้เซลล์รากขนถูกทำลายลงไปโดยไม่ทำร้ายเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง วิธีนี้เป็นที่นิยมอย่างมากเพราะเห็นผลดีเมื่อทำต่อเนื่องเพียงไม่กี่ครั้ง แถมยังช่วยให้สีผิวดูกระจ่างใสและทำให้รูขุมขนกระชับขึ้นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การทำเลเซอร์ YAG จะให้ความรู้สึกร้อนและเจ็บมากกว่า IPL และมีราคาที่แพงกว่า
- กำจัดขนถาวรด้วยคลื่นวิทยุ วิธีนี้เป็นวิธีที่กำจัดขนได้ผลดีมาก ๆ ซึ่งจะต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพราะแพทย์จะใช้เข็มเล็ก ๆ สอดเข้าไปในรูขุมขนจากนั้นจะใช้ปฎิกิริยาทางเคมีหรือความร้อนตามความเหมาะสมเข้าไปทำลายรากขนอย่างตรงจุด แต่เนื่องจากการใช้คลื่นวิทยุยังไม่เป็นที่นิยมและมีสถานที่ให้เลือกไม่มาก จึงมีราคาค่อนข้างสูง และอาจรู้สึกเจ็บขณะทำ จึงต้องมีการประคบเย็นหรือให้ยาชาร่วมด้วย
เปรียบเทียบราคากำจัดขนถาวรต่อคอร์สและต่อครั้ง
ส่วนใหญ่ราคาต่อหน่วยจะถูกกว่าเมื่อซื้อเป็นคอร์ส เพื่อจูงใจให้เราใช้บริการอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากราคาต่อครั้งเท่ากับหรือแพงกว่าราคาต่อคอร์สเพียงเล็กน้อย ก็แนะนำให้ซื้อบริการต่อครั้งก่อนเพื่อทดลองดูคุณภาพและการบริการ เพราะหากไม่ถูกใจเราก็สามารถเปลี่ยนคลินิกได้เลย โดยไม่ต้องทิ้งคอร์สทั้งหมด แต่ถ้าหากเราสนใจคลินิกนี้จริง ๆ และราคาต่อคอร์สก็ถูกกว่ามาก ก็แนะนำให้ซื้อแบบคอร์สไปเลยเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
เตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องกำจัดขนถาวร
- ช่วง 1 อาทิตย์ก่อนทำเลเซอร์ ไม่ควรทำกิจกรรมที่ต้องตากแดดเป็นเวลานาน เช่น ไปเที่ยวทะเล, กีฬากลางแจ้ง
- ควรงดครีม หรือ โฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมเพิ่มความขาว เช่น AHA, วิตามิน A ถ้าเป็นสาว ๆ ที่กำลังวางแผนจะทำเลเซอร์รักแร้ ก็งดลูกกลิ้งระงับกลิ่นกายทุกชนิดด้วย
- ควรหยุดการถอนหรือการแว็กซ์ขนด้วยตัวเองช่วงก่อนทำเลเซอร์กำจัดขน ควรปล่อยให้ขนขึ้นตามธรรมชาติ และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคลินิกเลย
- สำหรับสาว ๆ ที่สนใจเลเซอร์บิกินี่ ไม่ควรทำเลเซอร์ขนช่วงมีประจำเดือน เพราะจะเป็นช่วงที่ร่างกายของเราบอบบางและเซนซิทีฟ ทำให้เกิดการแพ้และระคายเคืองได้ง่าย ควรเว้นไปช่วงหลังประจำเดือนหมดประมาณ 5-7 วัน
วิธีการดูแลตนเองหลังกำจัดขนด้วยเลเซอร์
- ในช่วง 1-2 วัน หลังจากการเลเซอร์กำจัดขน บริเวณผิวหนังที่ได้รับเลเซอร์อาจยังแสบร้อนอยู่ ให้ใช้แผ่นประคบเย็นและโลชั่นบำรุงผิวทาช่วยบรรเทาอาการ ส่วนสาว ๆ ที่ทำเลเซอร์กำจัดขนบนใบหน้านั้นสบายใจได้ค่ะเพราะสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติหากผิวหนังไม่มีอาการพุพองใด ๆ
- ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังทำเลเซอร์กำจัดขน ไม่ควรให้บริเวณที่กำจัดขนด้วยเลเซอร์โดนน้ำ แต่ถ้าหากแผลถูกน้ำ ควรซับให้แห้งด้วยสำลีหรือผ้าสะอาด
- ระหว่างนี้งดการเผชิญแสงแดดประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือยิ่งเก็บตัวนาน ๆ ยิ่งดี และควรทาครีมกันแดดทุกวันแม้จะอยู่บ้าน โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่ทำเลเซอร์ขนหน้าหรือเลเซอร์หนวดเพราะผิวของเราจะไวต่อแสงแดดมาก
- หากกำจัดขนรักแร้ควรงดการทาสารระงับกลิ่น 2-3 วัน เพื่อลดการระคายเคือง
- งดกิจกรรมที่มีการใช้ความร้อน เช่น ซาวน่า โยคะร้อน อบไอน้ำ เป็นเวลา 2-3 วัน