ปัญหาแผลในปากเป็นปัญหาที่ใคร ๆ หลายคนเคยพบเจอมา เป็นปัญหาที่ทำให้เจ็บปวดและทรมาน โดยเฉพาะการเป็นแผลในกระพุ้งแก้ม หากเราไม่รีบรักษาอาจจะทำให้ติดเชื้อและกลายเป็นกระพุ้งแก้มเปื่อยได้ โดยอาการของกระพุ้งแก้มเปื่อยนั้นจะทำให้แก้มบวม และอักเสบ หากรักษาไม่ได้ก็ถึงกับขั้นที่ต้องผ่าตัดกันเลย หากคุณมีอาการแผลในปากอย่าปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบรักษา เพราะอาจเป็นอันตราย และรักษาได้ยาก
กระพุ้งแก้มติดเชื้อเกิดจากสาเหตุใด
- แผลในปาก
การรับประทานอาหารบางอย่างก็ทำให้เราเผลอไปกัดกระพุ้งแก้มจนเป็นแผลโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ หากเราไม่รีบรักษาให้หาย ปล่อยให้เป็นแผลเรื้อรังอยู่นาน ๆ ก็อาจลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นการติดเชื้อได้ และเกิดการอักเสบจนกระพุ้งแก้มมีอาการปวดบวมได้
- อาการร้อนใน
อาการร้อนในจะมีตุ่มแดงเล็ก ๆ ขึ้นในช่องปากหรือกระพุ้งแก้ม และตุ่มแดงนั้นก็จะแตกและกลายเป็นแผลอักเสบได้ หากไม่รีบรักษาก็อาจจะติดเชื้อได้เช่นกัน
- การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของสาว ๆ
การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของสาว ๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงมีประจำเดือน หรือช่วงที่ตั้งครรภ์ ก็จะทำให้สาว ๆ มีอาการร้อนในได้ซึ่งอาการเหล่านี้ก็จะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ในบางรายก็อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดร้อนในเช่น การนอนดึก การสูบบุหรี่ และแผลร้อนในนั้นอาจจะลุกลามและอักเสบได้
- การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ร้อนจัดบ่อย ๆ
การรับประทานของร้อนบ่อย ๆ อาจจะไปทำลายกระพุ้งแก้มได้ และเมื่อกระพุ้งแก้มถูกทำลายบ่อย ๆ อาจทำให้เนื้อเยื่อเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และอาจทำให้กลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ด้วย
- การกินหมากพลู
การกินหมากพลู ก็สามารถทำให้กระพุ้งแก้มเป็นแผลและอักเสบได้ เพราะในหมากพลูมีสารก่อมะเร็ง เมื่ออมหมากไว้ในกระพุ้งแก้มเป็นประจำก็จะทำให้เกิดการรายเคือง และทำให้เซลล์ของเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มเกิดการเปลี่ยนแปลงได้
- สุขภาพในช่องปากบกพร่อง
ใครที่มีฟันพุ ฟันแตก ขอบฟันคม อาจจะทำให้บาดในเนื้อเยื่อช่องปากได้ โดยเฉพาะลิ้นและกระพุ้งแก้ม และทำให้เป็นแผลเรื้อรัง และแผลนั้นอาจกลายเป็นเซลล์มะเร็งขึ้นมาได้
- เป็นสิงห์อมควัน และชอบร่ำสุรา
คนที่ชอบดื่มสุราและสูบบุหรี่คนกลุ่มนี้จะมีโอกาสเป็นมะเร็งได้มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่และดื่มสุราถึง 15 เท่า และโรคมะเร็งในช่องปากก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นลิ้น กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก เหงือก พื้นปากใต้ลิ้น ลิ้นไก่ หรือเพดานปาก
- เหตุเกิดเพราะโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นโรคที่มักพบการติดเชื้อได้ง่าย และที่สำคัญคนที่เป็นโรคเบาหวานก็มักจะมีแผลในช่องปากบ่อย ๆ โดยผู้ป่วยอาจมีอาการปากแห้ง ลิ้นอักเสบ หรือติดเชื้อราในปาก ซึ่งหากจัดฟัน หรือใส่ฟันปลอมก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลและติดเชื้อในปากเพิ่มขึ้นด้วย และนอกจากนี้หากเกิดแผลที่กระพุ้งแก้มหรือบริเวณอื่น ๆ ในช่องปากแล้ว ความที่ร่างกายของผู้ป่วยเบาหวานสูญเสียสมดุลของระดับน้ำตาล การไหลเวียนของเลือดไม่ปกติ รวมทั้งระดับเม็ดเลือดขาวก็ลดลง เหตุผลทั้งหมดนี้อาจส่งผลให้แผลในปากเรื้อรัง มีอาการบวม เกิดฝี หรือหนองได้ง่ายขึ้นด้วย
วิธีรักษาแผลในปาก เพื่อไม่ให้เกิดกระพุ้งแก้มเปื่อย
- ล้างทำความสะอาดภายในช่องปากเป็นประจำ โดยใช้โดยใช้น้ำเกลือและเบกกิ้งโซดา หรือใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เพื่อช่วยลดอาการปวดและบวม
- หมั้นประคบน้ำแข็งบริเวณที่เป็นแผลในปาก
- รับประทานอาหารที่มีกรดโฟลิค วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 และสังกะสี ในปริมาณที่เหมาะสมภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
- แปรงฟันบ่อย ๆ และใช้แปรงที่มีขนนุ่มไม่ทำลายกระพุ้งแก้ม และจะต้องใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโซเดียมลอริลซัลเฟต
- ใช้สมุนไพรบำบัดและรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น ชาดอกคาโมมายล์ เอ็กไคนาเชีย มดยอบ และรากชะเอม เป็นต้น โดยศึกษาวิธีการ ปริมาณ และความปลอดภัยให้ดีก่อนเสมอ
- ระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารมากเป็นพิเศษ โดยควรรับประทานอาหารอ่อนและอาหารที่มีสารโภชนาการครบถ้วน ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีรสจัดหรือมีรสเค็ม รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกขนมกรุบกรอบ อาหารและเครื่องดื่มที่มีกรดมาก และไม่เคี้ยวหมากฝรั่ง
- ใช้หลอดเมื่อต้องดื่มน้ำเย็น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการรักษาแผลในปาก เพื่อไม่ให้เกิดกระพุ้งแก้มเปื่อย หากใครมีปัญหาแผลในปากจะต้องรีบรักษาอย่าปล่อยไว้นาน เพราะจะทำให้อักเสบและติดเชื้อได้ และหากปล่อยไว้นาน ๆ ก็อาจจะกลายเป็นมะเร็งในช่องปากได้ ทางที่ดีรู้ว่าเป็นแผลในช่องปากต้องรีบรักษา เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง