ฉีดไขมันใต้ตา หรือเติมไขมันใต้ตาตัวช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำได้จริงหรือ

สำหรับสาว ๆ ที่ชอบนอนดึก หรือทำงานกลางคืน มักจะพบกับปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตาที่ดูหมองคล้ำ ไม่สดใส และสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือรอยหย่อนคล้อยที่เห็นได้ชัด? ปัญหาทั้งหมดนี้จะได้รับการเยียวยาด้วยการรักษาแบบใหม่ที่เรียกว่า “การฉีดไขมันใต้ตา (Fat transfer)” โดยถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่เห็นผลเร็ว เพราะถือเป็นการนำสารไขมันดีที่ได้จากการดูดไขมัน Body jet ของตัวคนไข้เองเติมเต็มเข้าไปทดแทนในบริเวณที่เหี่ยวย่น ทั้งนี้การฉีดหรือเติมไขมันใต้ตาจะช่วยเติมร่องลึกใต้ตาทำให้ตัวปัญหารอยคล้ำสามารถจางลงได้  ถ้าคุณยังนึกภาพไม่ออกเราจะมาทำความเข้าใจเพิ่มกันในบทความนี้เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ของผิวใต้ตาให้กลับมาสดใสดูอ่อนวัยได้มากที่สุด

ฉีดไขมันใต้ตาช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

การฉีดหรือเติมไขมันใต้ตา เป็นการแกปัญหาเฉพาะจุดที่ได้ผลเป็นอย่างดี เพราะการฉีดไขมันใต้ตาเป็นการบรรเทาปัญหาริ้วรอยและร่องลึกบริเวณใต้ตา ทั้งนี้สามารถช่วยให้รอยคล้ำใต้ตาดูจางลง เพิ่มความกระจ่างใสบ่งบอกสุขภาพโดยรวมที่ดี ซึ่งการรักษาทั้งหมดจะใช้นวัตกรรมผสานกับความเป็นธรรมชาติที่ร่างกายรับรู้ได้ดีด้วยการนำไขมันจากร่างกายของคนไข้เอง ซึ่งส่วนมากไขมันส่วนเกินจากบริเวณต้นขาหรือหน้าท้อง โดยแพทย์จะทำการคัดเลือกไขมันส่วนเกินของคนไข้ แล้วใช้เครื่องดูดไขมันออกมา เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนปั่นแยกสกัดเอาสเต็มเซลล์และนำมาผสมกับเนื้อเยื่อไขมันจะให้สารเติมเต็มที่สมบูรณ์มากขึ้น จากนั้นเตรียมฉีดเข้าไปที่บริเวณใต้ตาเพื่อเสริมสร้างให้ปัญหาดูลดลง

ฉีดไขมันใต้ตาต้องพักฟื้นหรือไม่ ?

การรักษาด้วยการฉีดไขมันใต้ตา ผู้ใช้บริการจะต้องทำการพกฟื้น แต่เป็นการพักฟื้นระยะสั้นเท่านั้น โดยปกติจะใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์เท่านั้น (ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล) ซึ่งเมื่อเทียบกับการผ่าตัดศัลยกรรมแล้ว ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จึงพอใจที่จะเลือกการฉีดไขมันใต้ตามากกว่า ที่สำคัญผลข้างเขียงหลังการฉีดไขมัน คุณอาจพบอาการบวมเล็กน้อยบริเวณใต้ตาหรือบริเวณที่ฉีดไขมัน โดยอาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงจนเป็นปกติ

ฉีดไขมันใต้ตาอันตรายหรือไม่?

การฉีดไขมันเพื่อเติมเต็มบริเวณใต้ตาจะไม่เป็นอันตรายหากได้รับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่หากไม่ใช่แล้วก็มีความเสี่ยงสูงที่ผู้ใช้บริการจะได้รับอันตรายจากการฉีดไขมัน เนื่องจากไขมันเป็นสารประกอบขนาดใหญ่ ไม่มีเอนไซม์ที่ใช้ย่อยสลายได้ในทันทีหากเกิดความผิดพลาดโดยเฉพาะถ้าฉีดเข้าที่หลอดเลือด ดังนั้นผู้ใช้บริการต้องพิจารณาโปรแกรมในการรักษาอย่างถ้วนถี่

ฉีดไขมันใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน?

สำหรับผลลัพธ์จากการรักษาผิวหนังบริเวณใต้ตาจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับข้อจำกัดของแต่ละผู้เข้ารับการรักษา รวมไปถึงการปฏิบัติตนหลังรับการรักษาแล้วอีกด้วย  โดยปกติแล้วการฉีดไขมันใต้ตาจะอยู่ได้ประมาณ 2-5 ปี หรืออาจมากกว่านั้น เพราะเป็นการฉีดไขมันที่สกัดจากร่างกายของผู้ใช้บริการเอง แม้ในช่วงแรกไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจสลายไปบางส่วน แต่เมื่อร่างกายปรับสมดุลและมีการฉีดครั้งต่อไปผลลัพธ์ก็จะคงที่เห็นผลได้ชัดเจน

วิธีปฏิบัติตนก่อนการฉีดไขมันใต้ตา

  • ผู้ใช้บริการเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ ทำความเข้าใจวิธการรักษา ข้อจำกัดและการปฏิบัติโดยละเอียด
  • ผู้รักษาเข้ารับการตรวจประเมินผิวหนังบริเวณใต้ตา และบริเวณอื่น ๆ ร่วมด้วย
  • ควรงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิด
  • พักผ่อนและดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
  • ควรงดการใช้เครื่องสำอาง โดยเฉพาะการแต่งหน้าที่บริเวณใต้ตา
  • หากเกิดข้อสงสัยหรือปัญหาใด ๆ ให้แจ้งแพทย์ทันที

วิธีดูแลตนเองหลังการฉีดไขมันใต้ตา

  • ไม่ควรสัมผัส เกา หรือไปกดทับบริเวณที่ฉีดไขมัน
  • งดการใช้เครื่องสำอาง หรือครีมบำรุงผิวบริเวณใต้ตา
  • งดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา
  • หากมีอาการผิดปกติให้รีบเข้ามาพบแพทย์ทันที

ฉีดไขมันใต้ตาหรือเติมฟิลเลอร์ใต้ตาดี ?

ถือเป็นคำถามยอดฮิตที่มักพบเห็นกันบ่อย ๆ ตามกระทู้บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งจริง ๆ แล้วทั้งการฉีดไขมันใต้ตาและการเติมฟิลเลอร์ใต้ตานั้นสามารถลดปัญหาต่าง ๆ ที่พบเจอบริเวณใต้ตาได้ เช่น ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ความหย่อนคล้อย ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก ที่นำไปสู่ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย ดูไม่มีออร่า เป็นต้น แต่การรักษาทั้งสองแบบจะมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่ต่างกันออกไป ซึ่งจะเปรียบเทียบตามประเด็นที่ควรทราบดังนี้

ฉีดไขมันใต้ตา

  • เน้นแก้ไขปัญหาริ้วรอยและร่องลึก
  • ใช้ไขมันจากร่างกายของตัวคนไข้เอง
  • มีกระบวนการหลายขั้นตอน
  • พักฟื้นประมาณ 1-2 อาทิตย์ (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ประมาณ 2-5 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคล รวมทั้งน้ำหนักตัวของแต่ละบุคคลเช่นกัน)
  • ประสิทธิภาพในการเติมเต็มเท่ากันฟิลเลอร์
  • ปรับรูปหน้าได้ในปริมาณที่เยอะและราคาถูกกว่า

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • เน้นแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก
  • ใช้สารเติมเต็มที่มีประสิทธิภาพ
  • สามารถเห็นผลได้ในทันทีหลังการรักษา
  • ไม่ต้องพักฟื้น
  • ผลลัพธ์อยู่ได้เพียง 6 -18 เดือน ตามแต่ละเคส
  • ประสิทธิภาพในการเติมเต็มเท่ากับฉีดไขมัน แต่ฟิลเลอร์จะควบคุมปริมาณการเติมได้ชัดเจนกว่า
  • ราคาสูงกว่าเมือใช้ในปริมาณเยอะ